วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

โรคและการเจ็บป่วยที่แบ่งตามลักษณะของพฤติกรรมสุขภาพ

  พฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมของบุคคล ส่งผลทำให้เกิดโรคและการเจ็บป่วยต่าง ๆ มากมาย ซึ่งสามารถแบ่งชนิดของโรคและการเจ็บป่วยตามลักษณะของพฤติกรรมสุขภาพที่สำคัญ ดังนี้ 


1. โรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมสุขวิทยาส่วนบุคคล


พฤติกรรมสุขวิทยาบุคคล หมายถึง การปฏิบัติหรือการแสดงออกของบุคคลที่ส่งผลให้มีสุขภาพดี เช่น การดูแลรักษาร่างกาย และของใช้ให้สะอาด การดูแลรักษาฟันให้สะอาดและแข็งแรง การล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังการขับถ่าย ถ้าบุคคลขาดการดูแลเรื่องสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ถูกต้องก็จะทำให้เกิดโรค และความเจ็บป่วยต่าง ๆ ขึ้นเป็นต้นว่า โรคผิวหนัง มักมีสาเหตุมาจากการไม่รักษาความสะอาดร่างกาย โรคเหงือกและฟันเนื่องจากขาดพฤติกรรมการรักษาฟันให้สะอาดและแข็งแรง โรคติดเชื้อของทางเดินอาหาร มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการหยิบจับอาหารรับประทานโดยไม่ได้ล้างมือให้สะอาด เป็นต้น 

2. โรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคและการโภชนาการ
พฤติกรรมการบริโภคอาหารและการโภชนาการ ประกอบด้วย การเลือกบริโภคอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัยจากสารอันตราย ได้รับสารอาหารครบถ้วน 5หมู่ อย่างหลากหลาย และมีความพอดีกับความต้องากรของร่างกาย รวมถึงการมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น รับประทานอาหารตรงเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารหมักดอง เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารของบุคคลดังกล่าวนั้น มีผลต่อสุขภาพและการเกิดโรค หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น การรับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยเกิดไป หรือขาดสารอาหารที่จำเป็นแก่ร่างกายบางชนิด อาจทำให้เกิดโรคขาดสารอาหาร โรคคอพอก เนื่องจากขาดแร่ธาตุไอโอดีน หรือ โรคปากนกกระจอก เนื่องจากขาดวิตามินบี 2 ได้ นอกจากนี้พฤติกรรมที่ไม่ดีในการรับประทานอาหารอื่น ๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือรับประทานอาหารที่มีรสจัดเป็นประจำ ก็อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารและโรคลำไส้ หรือการเคี้ยวอาหารมาละเอียดส่งผลให้อาหารไม่ย่อย เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้
3.โรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมด้านสารเสพติด เพศสัมพันธ์ และปัญหาทางสังคม
              พฤติกรรมด้านสารเสพติด เพศสัมพันธ์ และปัญหาทางสังคม คือ การกระทำที่แสดงออกในเรื่องของการงดดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่เสพสารเสพติด หลีกเลี่ยงการพนัน และอบายมุขต่าง ๆ รวมทั้งการมาสำส่อนทางเพศ และการมีค่านิยมรักเดียวใจเดียว ซึ่งหากมีพฤติกรรมสุขภาพในเรื่องดังกล่าวที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลต่อการเกิดโรคและความเจ็บป่วย ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมโดยตรง เช่น บุคคลที่มีพฤติกรรมเสพสารเสพติดย่อมเจ็บป่วยง่าย ร่างกายทรุดโทรม เกิดความเครียดในครอบครัว หรืออาจสร้างปัญหาความรุนแรงในสังคม และถ้าบุคคลมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยทางเพศ อาจติดโรคทางเพศต่าง ๆ ได้โดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนในโลกเป็นจำนวนมาก

4. โรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมด้านความปลอดภัย
              พฤติกรรมด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย การมีพฤติกรรมป้องกันอุบัติเหตุ อุบัติภัย ทั้งภายในบ้านในสถานที่ทำงาน ในโรงเรียน ในชุมชน หรือบนท้องถนน ถ้าบุคคลขาดพฤติกรรมการป้องกันอุบัติเหตุหรืออุบัติภัยต่าง ๆ แล้ว ก็อาจให้ถูกไฟฟ้าดูดหรือเกิดอัคคีภัย หรือการขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่งผงให้ร่างกายบาดเจ็บหรือทุพพลภาพ
     
5. โรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดูแลสิ่งแวดล้อม
              พฤติกรรมการดูแลสิ่งแวดล้อม ในที่นี้จะหมายถึง การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมในครอบครัวและชุมชน ได้แก่ การจัดการเรื่องขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล การควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค การจัดบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ ให้มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ร่มรื่นน่าอยู่อาศัย มีความปลอดภัย ถ้าบุคคลขาดการดูแลสิ่งแวดล้อมที่บ้าน และสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเองให้ถูกสุขลักษณะแล้ว ย่อมทำให้เจ็บป่วยและเป็นโรคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะโรคติดต่อที่เกิดจากการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เช่น โรคไข้เลือดออก โรคอุจจาระร่วง โรคเลปโตสไปโรซีส (โรคฉี่หนู) เป็นต้น

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาออกกำลังกายกันเถอะ

มาออกกำลังกายกันเถอะ 



 การออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงการแข่งขันกีฬาเสมอไปแต่หมายถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้อวัยวะและระบบต่างๆของร่างกายเคลื่อนไหวอย่างครบถ้วน ทำไห้มีการสร้างเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ถ้าเราออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอจะเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันโรคต่างๆ และทำให้ร่างกาองกันโรคต่างๆ และทำให้แข็งแรงมีสุขภาพดีมเนื้อ่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี
            
   การออกกำลังการสามารถทำได้หลายวิธี สำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกายก็ควรที่จะเริ่มออกกำลังกายอย่างเบาๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายหรือกล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บและจะทำให้ปวดได้ เช่น การเดินในระยะใกล้ๆแทนใช้รถยนต์ ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือทำงานบ้าน เช่น ล้างรถยนต์ ทำสวน กวาดบ้านถูบ้าน หรือซักผ้า สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายโดยการเล่นกีฬา ก็ควรที่จะมีการอบอุ่นร่างกายก่อนที่จะเล่นกีฬานั้นๆ และไม่หักโหมจนมากเกินไปจนทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้
        
 ประโยชน์ของการออกกำลังกายมีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายก็คือทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี ป้องกันโรคต่างๆ และช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ร้อยละ 46 เมื่อเรามีสุขภาพกายที่ดีแล้วการออกกำลังกายยังให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีด้วย การออกกำลังกายทำให้เราคลายเครียด มีความสุขและมีความสนุกสนาน เมื่อเราไปออกกำลังกายในที่ต่างๆจะทำให้เราได้พบปะกับผู้คนและรู้จักคนและมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น
             
  ถ้าได้อ่านมาถ้าตรงนี้ จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราต้องรู้จักคำว่าพอดี ถ้าเรารักครอบครัวและอยากจะอยู่กับครอบครัวของเราไปนานๆ เราก็ควรที่จะหันมาใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นก็ควรที่จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป และเราควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่ชอบพูดว่าตัวเองไม่มีเวลา นับจากวันนี้ก็ควรที่จะแบ่งเวลาหันมาใส่ใจในสุขภาพตัวคุณเองบ้าง ไม่ใช่เพื่อตัวคุณอย่างเดียวแต่เพื่อครอบครัวของคุณด้วย เราควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง และก็ควรเพิ่มระยะเวลาในการออกกำลังกายขึ้นเรื่อยๆอย่างเหมาะสม และถ้าจะดีมากถ้าคุณแบ่งเวลามาออกกำลังกายกับคนในครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จะได้สร้างสัมพันธ์อันดีงามระหว่างคนในครอบครัว ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น และสังคมไทยก็จะไม่มีปัญหาครอบครัวอีกต่อไป ถ้าคุณขี้เกลียดออกกำลังกาย ขอให้คุณคิดถึงคำว่า ออกกำลังกายวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า สุขภาพร่างกายที่ดีไม่สามารถซื้อหาจากที่ใดได้ เพราะฉะนั้นเรามาออกกำลังกายกันเถอะ


วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน

ภูมิปัญญาไทย หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะและเทคนิคการตัดสินใจ ผลิตผลงานของบุคคล อันเกิดจากการสะสมองค์-ความรู้ทุกด้านที่ผ่านกระบวนการสืบทอด พัฒนาปรับปรุง และเลือกสรรมาแล้วเป็นอย่างดีสามารถแก้ไขปัญหา และพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยได้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย


ภูมิปัญญาไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน 

        ทุกชุมชนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ทั้งประเพณี วัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิตซึ่งเอกลักษณ์ดังกล่าวได้ดำเนินขึ้นและสืบทอดโดยคน รุ่นก่อนในชุมชน มีการสั่งสมภูมิปัญญาด้านต่างๆ และผ่านการพัฒนาใช้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรในชุมชน เช่น การแต่งกาย การรับประทานอาหาร การสร้างบ้านเรือน รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพและการบำบัดโรค ซึ่งผ่านการลองผิดลองถูกจนเกิดเป็นปัญญาในการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกัน โรคของชุมชน ตัวอย่างเช่น การรับประทานผักเพื่อบำรุงร่างกาย การรักษาโรคด้วยสุมนไพร การนวดไทยเพื่อบำบัด บรรเทาการเจ็บป่วย การประคบสมุนไพรรักษาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก หรือการอยู่ไฟเพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิงหลังคลอดบุตร เป็นต้น
        ภูมิปัญญาไทยจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพในเรื่องของการบำบัด บรรเทา รักษาป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง นอกจากภูมิปัญญาทางการแพทย์ของคนไทยจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีแล้วยัง ช่วยลดปัญหาสาธารณสุขของประเทศชาติได้ โดยช่วยรัฐบาลลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ลดการนำเข้ายารักษาโรค เวชภัณฑ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศที่เกินความจำเป็นให้ลดน้อยลง ซึ่งผลดีดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคนไทยในชุมชนหรือท้องถิ่นต่างๆ รู้จักประยุกต์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนของตนเองมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการรักษาดูแลสุขภาพ รวมถึงการพึ่งพาภูมมิปัญญาของแพทย์ที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ มาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด





การแพทย์แผนไทยกับการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค /ยกตัวอย่าง

            กระบวน การทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมแบะฟื้นฟูสภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การผดุงครรภ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ทั้งนี้ โดยอาศัยความรู้หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา (พระราชบัญญัติคุ่มครองและส่งผลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542)
การ แพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคใน ชุมชนที่นักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนของตนเองได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
             

  1.การนวดไทย เป็น ภูมิปัญญาอันล้ำค่าในการรักษาโรค การสร้างเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของคนไทย ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจัดเป็นวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนไทยที่แสดงถึงการดูแลสุขภาพกันภายในครอบรัวเช่น ภรรยานวดให้สามี ลูกนวดให้ปู่ย่าตายาย โดยอวัยวะต่างๆ เช่น ศอก เข่า เท้า นวดให้กัน อีกทั้งยังมีการพัฒนาโดยใช้อุปกรณ์ช่วยในการนวด เช่น ไม้กดท้อง นมสาว การนวดไทย แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ การนวดแบบราชสำนัก และการนวดแบบเชลยศักดิ์ ประโยชน์ของการนวดไทยมีผลดีต่อสุขภาพในหลายๆด้าน เช่น การกระตุ้นระบบประสาท เพิ่มประสิทธิภาพของระบบทางเดินหายใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และผ่อนคลายความตึงเครียดทางจิตใจ
              

  2.การประคบสมุนไพร เป็น ภูมิปัญญาทางด้านการแพทย์แผนไทยที่มีการสืบทอดจากบรรพบุรุษมาช้านาน โดยมีการใช้สมุนไพรห่อด้วยผ้าเป็นลูก เรียกว่า ลูกประคบ นำลูกประคบไปนึ่งให้ร้อนแล้วนำมาประคบบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย เคล็ด ขัดยอก จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ซึ่งสมุนไพรที่ใช้ทำลูกประคบส่วนใหญ่นั้นจะมัน น้ำมันหอมระเหย เมื่อนึ่งให้ร้อนแล้วแล้วน้ำมันหอมระเหยซึ่งเป็นตัวยาจะออกมากับไอน้ำและ ความชื้น และเมื่อประคบตัวยาเหล่านั้นจะซึมเข้าผิวหนัง ช่วยรักษาอาการเคล็ด ขัดยอก ลดอาการบวมอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ นอกจากนี้ความร้อนจากลูกประคบยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น อีกทั้งกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยยังช่วยให้คลายเครียด เกิดความสดชื่นอีกด้วย
              

  3.น้ำสมุนไพร ผัก พื้นบ้านและอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารและน้ำดื่มนอกจากจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติมโตแข็งแรงอยูในภาวะปกติแล้ว อาหารและน้ำสมุนไพรบางชนิดที่นิยมรักประทานกันอยู่ในปัจจุบันยังช่วยรักษา โรคและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้อีกตัว ซึงเกิดจากความเฉลียวฉลาดของบรรพบุรุษ ที่ได้คิดปรุงแต่งอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าบำรุงร่างกาย โดยผ่านการผสมผสานองค์ความรู้ต่างๆ เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยได้อย่างกลมกลืน เช่น น้ำขิงช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ น้ำใบบัวบกแก้ร้อนใน กระหายน้ำ น้ำมะพร้าวช่วยขับปัสสาวะ ลดไข้ ทำให้สดชื่น ส่วนผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรไทยที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องแกงในอาหารไทย มีสรรพคุณในการบำรุงรักษาร่างกายได้อย่างดี เช่น ในโหระพารสเผ็ดร้อนแก้เป็นลม วิงเวียน ตะไคร้แก้ปวดท้อง ลดความดันเลือด มะนาวมีรสเปรี้ยวป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันฟักทองมีเบต้าแคโรทีนสูงช่วย บำรุงร่างกาย และมะขามใช้เป็นยาระบาย แก้โรคบิด เป็นต้น
           

     4.การทำสมาธิ สวด มนต์ และภาวนาเพื่อการรักษาโรค เป็นวิถีชีวิตและความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของชาวไทยที่นิยมปฏิบัติสืบต่อกันมา จัดว่าเป็นภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพได้เป็นอย่าง ดี โดยเฉพาะสุขภาพทางใจ เพราะการทำสมาธิสวดมนต์และภาวนาช่วยให้จิตใจที่สับสนและว่าวุ้นเกิดความสงบ มีความสุข ผ่อนคลายความเครียดมีสมาธิและเกิดปัญญา ในปัจจุบันมีการวิจัยทางการแพทย์พบว่า การสวดมนต์ ภาวนา และการทำสมาธิช่วยให้หัวใจทำงานหนักน้อยลง ส่งผลดีต่อปอด ระบบการหายใจ นอกจากนี้การนั่งสมาธินานๆ จะคลายความวิตกกังวล ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
           

     5.กายบริหารแบบไทย หรือ กายบริหารท่าฤาษีดัดตน เป็นภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยเกิดขึ้นจากการสิบทอดบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของนักบวช นักพรต พระสงฆ์ หรือชาวพุทธที่นิยมนั่งสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งมีความแตกต่างกับท่าโยคะของอินเดีย โดยเป็นท่าที่ไม่ผาดโผน หรือฝืนร่างกายจนเกินไป บุคคลทั่วไปสามารถทำได้ และเมื่อปฏิบัติอย่างถูกต้องจะช่วยรักษาอาการปวดเมื่อย ช่วยให้การเคลื่อนไหวของแขน ขา หรือข้อต่อต่างๆ เป็นไปอย่างคล่องแคล่ว ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดี สร้างสมาธิ ผ่อนคลายความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพของการหายใจ



วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โครงการสร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชน

1.ชื่อโครงการ : โครงการวิ่งจ๊อกกิ้งรอบวัดสิงฆ์
2.หลักการและเหตุผล : ในการจัดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ และลดปัญหาการข้องเกี่ยวกับยาเสพติด นอกจากนี้ยังทำให้คนในชุมชนมีความสนิทสนมกันมากขึ้น สามัคคี ทั้งคนในชุมชนและวัด สร้างที่ชุมนุมและเป็นศุนย์กลางในชุมชน โครงการนี้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมได้ทุกเพศทุกวัยเหมาะสมกับคนในชุมชน ทำให้เกิดเป็นความร่วมมือร่วมใจในการร่วมกันทำกิจกรรมให้ดำเนินลุล่วงไปได้
3. วัตถุประสงค์ : 1. สร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชนให้แข็งแรง
                           2. ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความสามัคคีกัน
                           3. เพื่อป้องกันยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในชุมชน
4. กลุ่มเป้าหมาย : คนในชุมชนวัดสิงฆ์ทั้งหมด ประมาณ 150 คน
5. วิธีดำเนินการ :       1.ศึกษาความต้องการในการจัดโครงการของคนในชุมชนทั้งหมด
                                2. รวบรวมความคิดเห็นที่ได้รับมาประเมินผลในการจัดทำโครงการ
                                3. จัดทำโครงการเสนอประธานชุมชนวัดสิงฆ์
                                4. ติดต่อสถานที่ ณ สถานที่ของวัดสิงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตรวจสุขภาพ
                                5. จัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชนเดือนละ 4ครั้ง/เดือน  โดยจัดทุกวันอาทิตย์ของเดือน
                                        6. ติดตามและประเมินผลการจัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชนวัดสิงฆ์
                                7. สรุปผลที่ได้จากการจัดโครงการสร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชนวัดสิงฆ์
6. ระยะเวลาในการดำเนินการ : 2 เดือน

7. สถานที่ดำเนินการ : สนามกว้างของวัดสิงฆ์

8. งบประมาณ : 15000 บาท

9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ :           1. การเข้าร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพและการวิ่งจ๊อกกิ้งของคนในชุมชนทุกคน
                                                                        2. อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคของคนในชุมชนลดลง
                                                3. ความร่วมมือร่วมใจและความสามัคคีในการร่วมกันทำกิจกรรม
                                                4. คนในชุมชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพจิตที่ดี

10. ผู้รับผิดชอบโครงการ : นายสุรวงษ์ อยู่สุข เลขที่ 6 ม.6/5




                         

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ต่อมหมวกไต ( Adrenal gland )

ต่อมหมวกไต ( adrenal gland ) 
  • ต่อมหมวกไตตั้งอยู่ที่ด้านบนของไตทั้งสองข้าง จึงเรียกว่าต่อมหมวกไต แต่ละต่อมประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชั้นคือ
    • ต่อมหมวกไตด้านนอกหรืออะดรีนัลคอร์เทกซ์ ( adrenal cortex ) ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แตกต่าง 3 ชนิด
    • ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา ( adrenal medulla )
      ซึ่งทั้งสองส่วนจะผลิตฮอร์โมนพวกสารสเตอรอยด์ที่ทำหน้าที่ต่างกัน
  • การสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอกต้องอาศัยฮอร์โมน ACTH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้ามากระตุ้น

  • ต่อมหมวกไตมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าร่างกายขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ฮอร์โมนในกลุ่มนี้จะ
    ควบคุมเมแทบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรท ไขมันและโปรตีน รักษาระดับสารน้ำในร่างกายและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับความเครียดต่อ
    เหตุการณ์ต่างๆทั้งในชีวิตประจำวันและยามฉุกเฉิน
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก

ต่อมหมวกไตด้านนอกหรืออะดรีนัลคอร์เทกซ์ (adrenal cortex) สร้างฮอร์โมนที่สำคัญ 3 กลุ่มคือ
  • ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ ( glucocorticoids )
  • ฮอร์โมนมินเนอราโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid)
  • ฮอร์โมนเพศ ( sex hormone )

1.ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์

ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ ( glucocorticoids ) ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่ คอร์ติซอล (cortisol) 
เป็นฮอร์โมนที่จำเป็น(essential hormone) ที่มีความสำคัญต่อชีวิต ถ้าขาดฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ซึ่งเป็นฮอร์โมนจำเป็นจะมีผลอย่างมากต่อเซลล์ของร่างกาย
อวัยวะเป้าหมาย : เซลล์ตับ
หน้าที่ : เพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด โดยจะกระตุ้นเซลล์ตับให้เปลี่ยนกรดไขมันและกรดอะมิโนบางตัวเป็นกลูโคส 
และเก็บสะสมไว้ในรูปของไกลโคเจน แล้วจะเปลี่ยนจากไกลโคเจนให้เป็นกลูโคสเพื่ื่อปล่อยเข้่าสู่กระแสเลือดเมื่อต้องการเพิ่ม
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดซึ่งเป็นขบวนการที่สำคัญ 
ความผิดปกติ : ถ้ามีฮอร์โมนกลุ่มนี้มากเกินไปจะทำให้เกิด โรคคูชชิง ( Cushing’s syndrome) พบในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกของต่อมหมวกไตส่วนนอกหรือได้รับการรักษาด้วยยาหรือฮอร์โมนที่มีคอร์ติโคสเตรอยด์เป็นส่วนผสม
เพื่อป้องกันอาการแพ้ อักเสบติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงโดยมีความผิดปกติเกี่ยวกับ
·         เมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีนทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น
·         กล้ามเนื้ออ่อนแรงเนื่องจากมีการสลายโปรตีนและไขมันตามบริเวณแขนขา
·         อ้วน มีไขมันสะสมแกนกลางลำตัว ใบหน้ากลมคล้ายดวงจันทร์ หน้าท้องแตกลาย บริเวณต้นคอมีหนอกยื่นออกมา

2.ฮอร์โมนมินเนอราโลคอร์ติคอยด์

ฮอร์โมนมินเนอราโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid) ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่ แอลโดสเตอโรน
(aldosterone) ทำหน้าที่ในการควบคุมความสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย
อวัยวะเป้าหมาย : ไต ( ท่อหน่วยไต )
หน้าที่ : ช่วยในการทำงานของไต
·         ในการดูดน้ำและNa+ กลับเข้าสู่ท่อหน่วยไต
·         ขับ K+ ออกจากท่อหน่วยไต
·         ควบคุมความสมดุลของฟอสเฟต
ความผิดปกติ : ถ้าขาด แอลโดสเตอโรน aldosteroneจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและโซเดียมไปพร้อมกับปัสสาวะ ส่งผลให้เลือดในร่างกายลดลงจนอาจทำให้ผู้ป่วยตายเพราะความดันเลือดต่ำ

3.ฮอร์โมนเพศ

ฮอร์โมนเพศ ( sex hormone ) ซึ่งสร้างปริมาณเพียงเล็กน้อย เท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับที่สร้างจากอวัยวะเพศดังนั้น
  • ในวัยผู้ใหญ่ เมื่อหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมามากจะไม่พบความผิดปกติ แต่ในวัยเด็ก ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้เป็นหนุ่มเร็ว
    กว่ากำหนด
  • ส่วนในเพศหญิง เนื่องจากต่อมหมวกไต ส่วนนอกนี้ผลิตแอนโดรเจน (androgen) ถ้ามีการผลิตฮอร์โมนนี้มากซึ่งอาจ
    เกิดจากมีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต จะทำให้เกิดลักษณะของเพศชายได้ คือมีพฤติกรรมคล้ายผู้ชาย
    มีการสร้างโปรตีนที่ทำให้แขนขาใหญ่ มีหนวดเครา เสียงห้าว ไม่มีประจำเดือน มีขนขึ้นตามตัวและใบหน้า
ถ้าต่อมหมวกไตด้านนอก ถูกทำลายจะไม่สามารถสร้างฮอร์โมนทำให้เป็น โรคแอดดิสัน ( Addison’s disease ) 
ผู้ที่เป็นโรคนี้ร่างกายจะซูบผอม ผิวหนังตกกระ ร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลของแร่ธาตุได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนใน

ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา ( adrenal medulla ) : ต่อมหมวกไตส่วนในเป็นทั้งต่อมไร้ท่อและเป็นส่วนของประสาทซิมพาเทติก จะทำงานเมื่อเผชิญหน้ากับ ภาวะเครียด ตื่นเต้น ตกใจ กลัว หนีภัย เมื่อเจ็บปวดและออกกำลังกาย สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด คือ
  • ฮอร์โมนเอพิเนฟริน ( epinephrine hormone ) หรือ อะดรีนาลิน (adrenalin hormone )
  • ฮอร์โมนนอร์อิพิเนฟริน ( norepinephrine hormone ) หรือ นอร์อะดรีนาลิน (noradrenalin hormone )

1.ฮอร์โมนเอพิเนฟริน
แหล่งที่สร้าง : ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา ( adrenal medulla )
อวัยวะเป้าหมาย : ตับ , หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก ,หัวใจ
หน้าที่ :
·         เปลี่ยน ไกลโคเจนในตับให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดทำมีระดับกลูโคสเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด
การเผาผลาญอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น
·         กระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรงและเร็วขึ้น ทำให้เลือดลำเลียงออกซิเจนและกลูโคสไปให้เซลล์ร่างกายได้มากขึ้น
·         หลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่บริเวณอวัยวะภายในต่างๆขยายตัว
·         หลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่บริเวณผิวหนังและช่องท้องหดตัว

2.ฮอร์โมนนอร์เอพิเนฟริน
แหล่งที่สร้าง : ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา ( adrenal medulla )
อวัยวะเป้าหมาย : ตับ , หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก ,หัวใจ
หน้าที่ :
·         เปลี่ยน ไกลโคเจนในตับให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดทำมีระดับกลูโคสเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด
การเผาผลาญอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น
·         กระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรงและเร็วขึ้น ทำให้เลือดลำเลียงออกซิเจนและกลูโคสไปให้เซลล์ร่างกายได้มากขึ้น
·         หลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่บริเวณอวัยวะภายในต่างๆหดหรือบีบตัว
สมาชิกในกลุ่ม 
1.นายสุรวงษ์    อยู่สุข                  ม.6/5 เลขที่.6
2.นายชยวุตย์     กลั่นฤิทธิ์           ม.6/5 เลขที่.23
3.นายไชยวัฒย์  อรุณรัศมีโสภา    ม.6/5 เลขที่.24